วิธีฝึกวิ่งให้เร็ว….ตอนที่ 2 (เขียนครั้งแรก)

อ.เปา
มีเรื่องขำๆเกี่ยวกับชาย 2 คนออกไปตั้งแคมป์อยู่กลางป่า
ชายคนหนึ่งเหลือบไปเห็นสิงห์โตที่ดุร้าย
เขาก้มตัวไปหยิบรองเท้าสำหรับวิ่ง จากถุงนอนและเริ่มถอดรองเท้า
บู๊ท
“นั่นนายกำลังจะทำอะไรน่ะ ?….เพื่อนเขาร้องถาม
“ทำไมทำอย่างนี้ นายไม่มีวันวิ่งชนะเจ้าสิงห์โตได้หรอก”

ชายอีกคนตอบเพื่อนของเขาด้วยอาการอันสงบนิ่งว่า….

ไม่จำเป็นฉันจะต้องวิ่งเร็วกว่าสิงโตซักหน่อย ฉันเพียงแค่วิ่งให้ชนะนาย

ให้ได้เท่านั้น…..

ในสนามแข่งที่มีนักวิ่งหลายหมื่นคน…

เป้าหมายไม่ใช่เอาชนะทุกคน…เพียงเอาชนะคนที่วิ่งนำได้ก็พอแล้ว

ในการฝึกที่จะวิ่งเร็ว..ฝึกเพียงส่วนที่จะใช้วิ่งให้ชนะก็เพียงพอแล้วเช่นกัน

มีวิธีการฝึกเพื่อสร้างความอดทนมีหลายอย่าง
…ลองมาพิจารณาดูว่ามีอะไรบ้าง

1.วิ่งไกลในภูมิประเทศที่แตกต่าง

2.ฝึกวิ่งไกลโดยใช้ความเร็วหลายๆแบบ(Fartlek trainnjng)

3.ฝึกกับน้ำหนัก หรือ ความต้านทาน เช่นยกน้ำหนัก ลากยางรถยนต์ ใช้น้ำหนักถ่วงที่ขา

4.กระโดดข้ามรั้ว

5.บริหารความอ่อนตัว

6.วิ่งขึ้นเนิน วิ่งขึ้นบรรได

7.วิ่งโดยใช้ความเร็วสูงสุดเป็นระยะสั้นๆ ไม่เกิน 10-15 นาที

ควรทราบการวิ่งระยะไกล มี 3 อย่างที่ต้องฝึกคือ
ความอดทน…ความเร็ว…ความแข็งแรง

นักวิ่งที่จะวิ่งได้เร็ว..ต้องการความอดทนของขาเป็นสำคัญ

วิธีที่จะได้มา..นักวิ่งต้องฝึกอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ความหนักเกือบสูงสุด
การออกกำลังกายนานเกือบ 2 ชั่วโมง มีความจำเป็น
เพื่อรีดกลัยโคเจนในกล้ามเนื้อออกให้หมด
ยิ่งใช้ความเร็วในการวิ่งมากเท่าใด กลัยโคเจนก็หมดเร็วเท่านั้น
นักวิ่งจึงควรฝึกวิ่งเร็วอย่างเต็มที่ 10-15 นาที ในแต่ละช่วงการฝึก
เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อ

คุณหัวใจมังกร

แล้วชายอีกคนว่าไงเหรอครับอ.เปา..ปุ้นจิ้น
แล้วสิงโตจะไล่ใครครับ

อ.สถาวร จันทร์ผ่องศรี

เรียน อ. เปาครับ

เสริมสร้างระบบไหลเวียนก่อน เป็นอันดับแรก หัวใจต้องแข็งแรง แล้วมาสร้างระบบกล้ามเนื้อ พัฒนาความเร็วเป็นอันดับสุดท้าย เมื่อระบบไหลเวียนดีก็พัฒนาทุกๆอย่างไปพร้อมๆกัน ส่วนเทคนิคต่างๆก็สังเกตุนักกีฬาแต่ละคน แล้วสอดแทรกให้เหมาะสมเป็นคนๆไป ขอบคุณครับ

อ.เปา
คุณหัวใจมังกร ครับ

นิยายที่ยกเอามาเพียงชี้บอกว่า…นักวิ่งจะพัฒนาความเร็ว
ก็ต้องมองที่เรื่องจะทำความเร็ว เรื่องอื่นไม่สำคัญเท่า
หากนักวิ่งมุ่งมั่นจะเอาความเร็วมาใช้เพื่อ
เป็นผู้มีเกียรติ มีชัยชนะ ต้องมองเรื่องนี้
ต้องหาคนที่รู้เรื่องนี้ ต้องเข้าไปหา ต้องถาม

การจะเอาแต่ซ้อมโดยขาดหลักการ
อาจจะสำเร็จได้บางส่วน ทั้งต้องลองผิด-ลองถูก
เพียงเพื่อให้ได้ความเร็ว…ต้องมองให้ถูกจุด
การเขียนให้สนุก..ก็มีเรื่องมาอุปมา
ส่วนชายอีกคนจะว่าอะไร…ก็ไม่เกี่ยว
หรือจะเล่าต่อ..ก็ไม่ใช่สาระสำคัญแล้ว
สู้จบแบบนี้..ยังทำให้คนต้องมีปัญหาในใจ
จบแบบทิ้งปัญหาให้คิด…นักเขียนชอบกันนัก

อ.เปา
เรียน อ.สถาวร จันทร์ผ่องศรี

ครับ ก็จะขอว่าเรื่องการเตรียมตัววิ่งเร็วไปเรื่อยๆก่อน
ซึ่งก็คงต้องเป็นไปอย่างหลักการที่ว่าไว้
การเตรียมร่างกายเพื่อวิ่งเร็ว คือความหมายของเรื่อง
หยิบเอาเรื่องก่อนเร็ว…เอามาพุดนักวิ่งที่อยากเร็ว
จะได้มีหลักการเตรียม ไม่ต้องไปบาดเจ็บซะก่อน
ขอขอบคุณที่ อาจารย์ให้ความเห็นไว้ครับ
นักวิ่งได้อ่านแล้ว…จะได้ติดตามว่า
จะทำกันยังไงต่อไป…หรือเก่งแล้วจะให้เก่งขึ้น
จะได้ย้อนมองหลังว่า…ได้เตรียมมาดีหรือยัง

อ.กฤตย์

อ.สถาวร บอกว่า เรื่องเร็ว เป็นสิ่งที่ควรพัฒนาทีหลังสุด
นี่จึงขอย้ำเตือนพวกเราว่า อย่าเพิ่งกระหายการฝึกวิ่งให้เร็วนักในอายุราชการวิ่งน้อยๆ จงวิ่งไปเรื่อยๆก่อน เก็บพรรษาไว้ในมือมากก่อนด้วยการฝึกระบบหมุนเวียน ระบบหัวใจ ระบบกล้ามเนื้อต่างๆไปในตัว

ระหว่างนั้นการรับรู้องค์ความรู้เรื่องวิ่งก็จะทยอยเข้ามาพร้อมๆกัน กว่าอินทรีย์จะแกร่งพร้อม ความรู้เรื่องการวิ่งก็แม่นยำ พอๆกับความแข็งแกร่งเรือนร่างเป็นฐานให้กับการลงคอร์ท เราก็จะเจ็บกันน้อยลง

อ.เปา
อ.กฤตย์ รู้แล้วว่าจะเรียงเรื่องวิ่งเร็ว เรียงยังไง
ครับ..ใช่เลย การเตรียมร่างกายด้วยการซ้อมให้ความอดทนขึ้นมาก่อน
กว่าจะเข้าโปรแกรมเร็วจริงๆ….ยังมีเรื่องที่ต้องปูพื้นมากมาย
ความจริงอยู่ในบทสรุปที่ อ.สถาวรวางไว้ ใช่เลย
จะเห็นว่า..ไม่มีคำถามเลยว่า…ทำไมต้อง….

1.วิ่งไกลในภูมิประเทศที่แตกต่าง

2.ฝึกวิ่งไกลโดยใช้ความเร็วหลายๆแบบ(Fartlek trainnjng)

3.ฝึกกับน้ำหนัก หรือ ความต้านทาน

จับสัญญาณตรงนี้ได้ว่า นักวิ่งพอเข้าใจบ้างแล้ว

แต่…..นักวิ่งต้องรู้……พัฒนาความเร็วเป็นอันดับสุดท้าย

นี่เป็นคำสอนฝากไว้ของ อ.สถาวร … อ.กฤตย์ ตามเข้ามาย้ำ

แปลความหมายว่า ร่างกายยังไม่แข็งแกร่ง…อย่าเล่นกับความเร็ว

สำคัญแค่ไหนลองคิดดู…

อ.เบญ

ผมคิดว่า เด็ก 8 ขวบ น่าจะให้เล่นกีฬาอย่างหลากหลาย เน้นสุขภาพและความแข็งแรงทั่วๆ ไป แล้วคอยดูว่าเขาชอบกีฬาอะไร ถนัดแบบไหน แล้วเราก็เสริมทักษะกีฬาชนิดนั้นให้

คือถ้าเขาชอบ เราก็ไม่ต้องเครี่ยวเข็ญมาก เพราะเคี่ยวเข็ญมากไป จะทำให้เด็กเบื่อ อีกหน่อยแม้แต่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพตัวเอง ก็ยังไม่ยอมมาเลยครับ

การเล่นกีฬาของเด็ก ต้องใส่กิจกรรมหลายๆ อย่าให้น่าสนใจ ถ้าให้วิ่งไปเรื่อยๆ แบบผู้ใหญ่ ก็ยากที่จะให้ทำจนติดเป็นนิสัยได้ยาก

การเล่นกีฬาของเด็กวัยนี้ อย่าเพิ่งไปสนใจการแข่งขัน แต่อาจจะร่วมแข่งขันให้รู้จักการเล่นกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ

วัยนี้คงไม่จำเป็นต้องวิ่งเกิน 3 กม.(ไม่ใช่ 3 กม.ทุกวัน) อาจมีวิ่งแข่งระยะสั้นๆ สัก 50 เมตรในบางวัน แล้วก็มีกิจกรรมหรือกายบริหารต่างๆ ต้องมีกิจกรรมที่สนุก และให้ทำจนเป็นนิสัยมากกว่า สอนให้ปฏิบัติให้ถูกวิธี เช่น ต้องวอร์มอัพ-คูลดาวน์ อย่างถูกวิธี

เมื่อเด็กชอบ แข็งแรง ออกกำลังกายจนเป็นนิสัย พอโตขึ้น จะไปฝึกเล่นกีฬาอะไรก็ได้ (ถ้าเราได้เสริมทักษะไว้ให้)

0
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้นะครับx
X