ดับเบิ้ลล็อค

ดับเบิ้ลล็อค
โดย กฤตย์ ทองคง

มีเรื่องที่น่าพูดถึงสนามแห่งนี้ สนามขุนด่านปราการชล ครั้งที่ 2 วันที่ 3 มิถุนายน 2550 จ.นครนายก แต่ไม่ใช่เรื่องที่คนไปกันเยอะแยะ แต่เพราะความคนไปกันเยอะแยะนี่เอง อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องยุ่งๆดังกล่าว

ใครที่ไปมา คงทราบรายละเอียดดี ไม่ต้องอธิบายมาก แต่ขออนุญาตผู้อ่านที่ทราบแล้วท้าวความเพื่อคนที่ไม่มีโอกาสได้ไป จะได้ตามอ่านทันกัน ดังนี้ คือในระยะมินิ 10 โล มีนักวิ่งจำนวนหนึ่งรีบกลับตัวตั้งแต่ก่อนถึงกำหนดกลับตัวของตนเอง คือไปกลับตัวที่ของระยะ 5 ก.ม. ทำให้ระยะทางที่ตัวเขาวิ่งเป็นการไม่ครบสนาม เข้าก่อนแนวหน้าหลายคน การณ์ครั้งนี้ มิใช่วิ่งไม่ครบระยะกันไม่กี่คน แต่เป็นจำนวนมาก

ฝ่ายนักวิ่งที่ไม่ครบระยะให้เหตุผลว่า เพราะกรรมการตรงจุดกลับ (5 ก.ม.) นั้นบอกว่าให้กลับตรงนี้ แต่ประโยคพูดอย่างไรโดยละเอียดเราไม่อาจทราบได้เพราะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ หรืออาจจะหนักกว่านั้นเกิดจากเจตนาคนวิ่งกลับตัวโดยไม่ครบระยะคนต้นๆมีเจตนาไม่สุจริตหรือไม่ไม่ทราบได้ แต่ผลก็คือ มีนักวิ่งระยะ 10 โล กลับตัวตรงนั้นตามๆกันเป็นปึกๆ ซึ่งไม่น่าจะใช่เจตนาโกงกันทุกคน มีผู้หลงเชื่อว่าจุดนั้นเป็นจุดกลับตัวที่ถูกต้องของตัวจำนวนไม่น้อย

เมื่อเข้าเส้นชัยก็เกิดปัญหา ฝ่ายวิ่งไม่ครบระยะไม่ได้ปฏิเสธว่าเขาทำเช่นนั้นจริง แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะรับผลความรับผิดชอบเพราะความผิดน่าจะตกอยู่กับกรรมการไลน์แมน คนนั้น ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในผู้จัด เขาย่อมเป็นตัวแทนแห่งความชอบธรรมของสนาม แน่ละ ถ้าเป็นเหตุผลตรรกะนี้ ฝ่ายผู้ที่วิ่งไม่ครบระยะ ในเมื่อไม่ได้ทำในสิ่งที่ผิดบาปอย่างจงใจ จึงไม่ควรถูกรอนสิทธิ์ในอันดับถ้วยรางวัล คนที่ทำผิดอย่างเจตนาต่างหากควรได้รับโทษ

เหตุผลฝ่ายผู้จัด ระบุว่า อันดับรางวัลต้องถูกเลื่อนมาเป็นของผู้ที่วิ่งครบตามจริง โดยไม่นับความสามารถวิ่งของผู้วิ่งไม่ครบระยะมาพิจารณาแต่ประการใด เรียกว่า ต่อให้วิ่งเร็ววิ่งเก่งขนาดไหน เป็นอันว่า “อด” ความสั้นๆ แต่ฟังแล้วถอดใจ

ความหมายของนักวิ่งผู้วิ่งไม่ครบระยะแจงออกเป็นสองนัยยะ คืออดได้ถ้วยนี้เป็นประการหนึ่ง แต่ที่หนักหนากว่า กลายเป็นผู้อยู่ในสถานะคล้ายๆโกงการแข่งขัน นำความเสื่อมเสียมาสู่เกียรติประวัติตัวเองทั้งๆที่ตั้งแต่วิ่งมาเรื่องนี้ไม่เคยด่างพร้อย รู้ไปถึงไหน อายเขาไปถึงนั่น ป่น*** งานนี้ป่น*** ไม่ยอมเราไม่ยอมเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ไม่ยอมให้ปรับอันดับ งานนี้อยู่สู้เพื่อเกียรติภูมิ ถ้วยนั่นไม่ใช่ประเด็น

ฝ่ายผู้จัดเรียกร้องถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์จากความเป็นนักวิ่งที่ถ้าในตัวคุณยังเหลืออยู่ คือ “สปิริต” โปรดคืนป้ายอันดับโดยสมัครใจ ว่าแล้วไม่ฟังอีร้าค่าอีรมณ์ เดินหันหน้าหนีไปปล่อยให้นักวิ่งผู้วิ่งไม่ครบระยะ(ที่ว่ากันว่าไม่ได้โกง) เดียวดายอยู่ในโลกแห่งมรสุมขัดแย้ง ที่หันไปพึ่งฟากไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้นที่จะช่วยดึงขึ้นเรือรอดพ้นจากการจมน้ำตายกลางทะเลลึก ยิ่งฝ่ายเพื่อนๆกันที่วิ่งครบระยะวิ่งตามก้นมาติดๆก็ทวงป้ายยิกๆ มองไม่เห็นศักดิ์ศรีที่ถูกรอนสิทธิ์ดังกล่าวไม่
ง า น นี้ ช่ า ง อ้ า ง ว้ า ง จ ริ ง ๆ
สุดท้ายก็พ่ายเสียงและแรงกดดันให้คืนป้าย โดยเริ่มจากบางคนยอมราข้อ ปล่อยให้ป้ายผู้อื่นไป โดยก็ไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการแลกเปลี่ยนชดเชย กล่าวโดยจำเพาะเกียรติที่ถูกลบหลู่ไปเมื่อกี้ ไม่มีใครตบหลังลูบไหล่อย่างเห็นใจและรักใคร่ ให้ความมั่นใจว่า “ผมรู้ พวกคุณไม่ได้โกงหรอก แต่มันเป็นเรื่องของความผิดพลาดบางอย่างมันเลยกลายเป็นแบบนี้ ผมขอแสดงความเห็นใจพวกคุณ และเราจะระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในวันข้างหน้า”

เพียงคำที่แสดงความอนาทรเพียงเท่านี้ก็มีค่าเหนือกว่าถ้วยรางวัลมากนัก วิ่งกันมาเสียมิรู้เท่าไร ตกถ้วยกันมาเสียนัก ได้อันดับหก เป็นร้อยครั้งพันครั้ง ไม่มีปัญหา จะมาตกถ้วยที่ขุนด่านอีกสักครั้งจะเป็นไรหรือ ขอเพียงความเข้าใจ สิ่งนี้มีไหมหนอ??

เพื่อนแนวหน้ารุ่นเดียวกับผู้เขียนคนหนึ่งถึงกับเอ่ยกับผู้เขียนด้วยสายตาวิงวอนว่า “ผมไม่ได้โกงนะ” ราวกับสายตาเด็กน้อยวิงวอนความยุติธรรม ผู้เขียนได้แต่แสดงความเข้าใจและบอกเขาไปว่า “ผมเชื่อคุณ ผมรู้ว่าคุณไม่ได้โกง ไม่เป็นไร มันเป็นคราวเคราะห์ ผมเห็นใจคุณ” แล้วไม่ลืมลูบหลังเขาด้วย

ต่อปัญหาหนึ่งๆ เรานิยมหา “ใครผิด” จะได้เอาปัญหาทั้งหลายไปวางแหมะไว้ที่เขาได้ เพื่ออะไร ก็เพื่อเราจะได้ไม่หนักนัก ความรับผิดชอบมันค้ำคอ ปัญหาประเทศไทยเป็นอย่างนี้ เพราะต้นตอเรื่องหนึ่งในหลายเรื่องคือนักการเมืองซื้อเสียง พูดกันอย่างนี้กล่าวกันอย่างนี้ราวกับลืมกันไปว่าปรบมือข้างเดียวดังได้ เพื่อนคนไทยจำนวนนึงดันไปรับเงินเขามา แล้วเสือกเลือกเขาด้วยใช่ไหม ที่ทำให้***เปรตมานั่งในสภาทำชั่วกันอย่างที่รับรู้รับเห็นนี่ และที่เพื่อนประชาชนบางส่วนที่ซื่อสัตย์ต่อความเลวอย่างนั้น เพราะปัญหาความอดอยากยากจน กินไม่มีพอจะยาไส้ และกล่าวให้ถึงที่สุดเพราะนโยบายแผนพัฒน์ 7 ฉบับแรกใช่ไหม ที่กระตุ้นโลภะจริตกระตุ้นการส่งออก เป็นอย่างนี้จึงเป็นอย่างนั้น ทุกเรื่องจึงไม่ใช่ “ผู้ผิด” ที่อยู่อย่างโดดๆโดยไม่ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งอื่นๆ เราทุกคนมีส่วนผิดด้วยกันทั้งนั้น อย่างน้อยที่สุด พวกเราที่ไม่ได้ขายเสียง เราก็บกพร่องที่ไม่สามารถบอกกล่าวเรื่องราวที่สำคัญของประเทศชาติและซับซ้อนให้กับเพื่อนประชาชนผู้ขายเสียงได้ทันการณ์

เราอย่าเอาแบบอย่างเคยชินที่แสวงหา “ใครผิด” มาใช้ในวงการวิ่งเลย สนามอาหารไม่พอ แจกข้าวห่อแป๊บเดียวหมด ก็แห่กันมาเป็นหมื่นๆอย่างนี้ ใครจะไปตรัสรู้ได้ งานย่อมต้องมีข้อบกพร่องแน่ๆ รู้ตั้งแต่ก่อนเดินทางไปด้วยซ้ำเพราะถามใครๆ ใครก็ไป ไปที่เขื่อนจริงๆก็ถึงกับรำพึงว่า “นี่มากันหมดทั้งประเทศเลยหรือนี่” นักวิ่งเจนประสบการณ์คนหนึ่งถึงกับทำนายล่วงหน้าไว้ว่า ให้ผู้จัดเตรียมถูกด่าได้แล้วกับเรื่องแจกรางวัลช้าเพราะถ้วยรางวัลมันมากรุ่นและมีถึง 10 อันดับ อย่างนี้ จะให้เร็วได้เป็นไม่มีทาง ใครๆก็รีบจะกลับบ้านกันทั้งนั้น

นักวิ่งแนวหลังที่วิ่งช้าบางคนก็ตีไม่จำแนกเทพจำแนกมาร โดยเหมาเป็นมารหมด หาว่า แย่งรางวัลกันด้วยความโลภทั้งๆที่ล้วนมาวิ่งเพื่อสุขภาพทั้งสิ้น แต่ทำไมถึงแย่งกันน่าเกลียดอย่างนี้ก็ไม่รู้ โดยไม่พยายามเปิดใจรับรู้ทุกข์เกียรติยศมัวหมองของเพื่อนที่วิ่งไม่ครบระยะเลย ต่อเมื่อตนเองหากจะเร็วขึ้นมาจากการฝึกที่เหนื่อยยากวิ่งได้อันดับจริงแล้ว แต่ไม่ได้ตามจริง เขาย่อมเป็นเดือดเป็นแค้นฟืนไฟขึ้นมาทันที ต่อเมื่อเจอเองแล้วจะรู้ว่าเป็นอย่างไร

แม่เคยสอนผู้เขียนให้รอบคอบในการคิดอ่านกระทำการใดๆ อันใดที่คิดป้องกันไว้แล้ว หากเราเพียงรอบคอบ เพิ่มการปกป้องอีกชั้น เผื่อๆชั้นแรกเอาไม่อยู่ ยังไงๆก็ปลอดภัยเพราะมีด่านที่สองเป็นดับเบิ้ลล็อค ใส่ถุงสองชั้นแน่นหนามั่นคง

เราวิ่งกันอย่าเพียงแต่วิ่งตามๆกันไป วิ่งตามคนหน้า ทำไมเราไม่ทำพินิจภาพในมโนนึกให้แจ่มชัดกับเส้นทางวิ่งด้วยการดูแผนที่เส้นทางแข่งขันให้แม่นยำ ว่าระยะของเรา เขาให้กลับตัวตรงไหน โน่นเขาให้กลับกันที่สุดเขื่อนโน่น แล้วมันหากวิ่งจริงๆไม่เป็นไปตามนั้น ไม่เฉลียวใจบ้างเลยหรือว่า นี่มันแค่ 2.5 ก.ม.เท่านั้นก็กลับตัวแล้วแทนที่จะเป็น 5 ก.ม. การใส่ใจในแผนที่เส้นทางวิ่งไม่เพียงแต่วิ่งตามๆเขาไปนี่แหละเป็นดับเบิ้ลล็อค เกิดผิดพลาดอย่างไร เราจะได้มีเวลาหายใจ

เข้าใจครับว่า ณ ชั่วขณะกลับตัวนั้น บางคนอาจคิดอยู่เหมือนกันว่ากลับตัวตรงนี้แน่หรือ? ลังเลเพียงแค่ไม่กี่วินาทีอาจถูกแซงได้ เอาไงก็รีบตัดสินใจ เพียงระยะเวลาที่ให้ตัดสินใจสั้นมากแค่นั้น คนเราอาจตัดสินใจผิดได้เสมอ แล้วกว่าจะมาสำนึกว่า “ไม่น่าเลย” ก็ไกลมากแล้วพ้นวิสัยที่จะกลับไปทำใหม่ต้องเดินหน้าลูกเดียว เหตุผลอย่างนี้ เอื้อให้คนเราถลำทำผิดมาได้ต่อนักแล้วหากไม่มั่นคงในแนวทาง ใช่หรือไม่ว่า ฆาตกรหั่นศพ ไม่ได้ปรารถนาหั่นอวัยวะเป็นสัตว์อำมหิตเช่นนั้น แต่จำฝืนทำไปเพื่อขจัดหลักฐาน และการที่ฆ่าไปในชั้นแรกอาจเป็นเพราะเหยื่อรู้เห็นการที่เขาทำผิดชั้นต้นบางอย่าง จึงต้องปิดปาก และทำนองเดียวกัน วิชาอาชญาวิทยาก็บอกกับเราว่า ครั้งแรกจริงๆที่เป็นสาเหตุเลยก็ทำความผิดเล็กๆชิ้นหนึ่ง และเหตุการณ์แวดล้อมทำให้เขาต้องทำความผิดใหญ่ขึ้นๆเพื่อปกปิดไปเรื่อยๆ น่าอนาถหนอชะตากรรม

พ่อสอนว่า “อย่าทำผิดกฎหมาย” จึงเป็นเรื่องดับเบิ้ลล็อคปกป้องให้เราพ้นจากคนแบล็คเมลล์อย่างนี้เอง เพื่อที่สุดเราจะได้ไม่ต้องมีภาระกำจัดคนแบล็คเมลล์นั้น

ผู้เขียนเองไปวิ่งรู้สึกเสียวสันหลังอยู่เหมือนกัน แม้เราไม่ได้ตั้งใจทำผิดทำโกง หนังตัวอย่างวันนี้ยืนยันว่าเป็นไปได้ที่ไปๆมาๆ วันหนึ่งสถานการณ์ทำให้เรากลายเป็นผู้ร้ายไปได้ เม้าส์กันให้แซ่ดทั่วประเทศ “คนอย่างอาจารย์กฤตย์น่ะหรือ?ทำอย่างนั้น…ไม่น่าเลยนะ” แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะทำอย่างไรดี พูดไปคนก็ว่าเราแก้ตัว บอกมายังพวกเรา ใจเย็นๆกันบ้าง อย่าแสวงหาใครผิดกันนักเลย ต่อเมื่อแจ้งชัดเสียก่อนค่อยว่ากัน มองพวกเขาแล้วมองเรา มองเราแล้วก็กลับไปมองพวกเขา เราก็จะได้บรรยากาศของความเอื้อรักต่อกันและเจ็บปวดน้อยลงกว่านี้

15.30 น.
5 มิถุนายน 2550

0
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้นะครับx
X