นักวิ่งกับพรสวรรค์

เคยได้ยินมาว่า ความสามารถที่จะวิ่งได้ดีของคนเรา เป็นมาแต่กำเนิด บ้างก็ว่าฝึกอย่างไรก็คงจะไม่ดีขึ้นมาได้ สังเกตจากบางคนที่ฝึกน้อยแต่สามารถวิ่งได้เร็วมากและบางคนฝึกมากแต่ได้ผลไปทำนองกลับกัน จึงเริ่มมีความคิดว่า ตัวเองไม่มีแววทางนี้ ในขณะที่พวกที่วิ่งเก่ง เป็นพวกที่มีแนวโน้มจะดีอยู่แล้ว

แต่ในสายตาและความเชื่อของผู้เขียน กลับเห็นว่า ความเป็นจริงของธรรมชาติมนุษย์ไม่ว่าจริงๆแล้วมันจะเป็นเช่นใด แต่เราควรเลือกที่จะอยู่กับความเชื่อที่ทำให้มนุษย์มีกำลังใจ มีศักดิ์ศรีและมีคุณค่า ที่มันเป็นผลมาจากความเชื่อนั้นๆ

ผีสางนางไม้มีจริงหรือไม่ ไม่มีใครยืนยันได้ แต่สังคมที่ถือผี ก็เป็นสังคมที่ร่มเย็น ไม่ร้อนรุ่มร่านระทมเหมือนสังคมปัจจุบัน
พระเจ้ามีจริงหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่สังคมที่รับเอาพระผู้เป็นเจ้าไว้ในเรือนใจก็พิสูจน์มาหลายยุคหลายสมัยว่า เป็นสังคมที่น่าอยู่น่าอาศัย ที่ต่างจากสังคมที่พระเจ้าตายแล้ว

แม้ต่อให้ พระเจ้าหรือผีนั้นไม่มีอยู่ แต่เราแทบจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ผลของความเชื่อเช่นนั้น มันยังผลชนิดใดต่อสำนึกผู้คน มันหล่อหลอมจิตสำนึกร่วมชนิดไหนกับประชาคม ท้ายสุดมันก่อรูปแบบจิตสาธารณะอย่างไรบ้างต่อบ้านเมือง

โกวเล้ง กล่าวว่า

“จริงคือเท็จ
เท็จคือจริง
จริงๆ เท็จๆ
ที่จริงมิอาจถือเป็นเรื่องจริงจังนัก”

ผู้เขียนไม่ค่อยสนใจว่าความจริงมันคืออะไรแน่ แต่สนใจว่าความเชื่อชนิดใดที่มันจะมีผลขึ้นรูปจิตสำนึกที่เรามีต่อตัวเรามีต่อชีวิต และที่เรามีต่อกัน และเราทั้งหลายมีต่อต่อโลก

ดังนั้นจากตรงนี้ คงป่วยการที่จะมาหาข้อยืนยันว่าความจริงมันเป็นพรสวรรค์ที่ทำให้นักวิ่งวิ่งได้ดี เมื่อวิ่งได้ดี แล้วพรแสวงจึงเข้ามาหนุนช่วยพรสวรรค์ให้ดียิ่งขึ้น อย่างที่เคยได้ยินได้ฟังอยู่บ่อยๆ

ถ้าเป็นอย่างนั้น พวกเราๆชาวนักวิ่งที่ไม่มีพรสวรรค์ทั้งหลายก็มิต้องเลิกวิ่ง ไปเล่นหมากฮอสมิดีกว่าหรือ?

ใช่หรือไม่ว่า การวิ่ง สมควรที่จะนำเราไปสู่ทัศนะที่แจ้งชัดต่อการตระหนักในศักยภาพของตัวตนว่า ที่สุดแล้ว เราทำอะไรได้แค่ไหน ที่ความเป็นแชมเ***ยน ไม่ได้มีความหมายกับเรามากไปกว่า การสอย P.R. ใหม่มาเชยชม ก็ชีวิตและโลกมันรันทดแก่งแย่งกันขนาดนี้ เกิดมาฉันยังไม่เคยทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันเลย ก็มีแต่การวิ่งนี่แหละที่ทำให้ฉันดูดีขึ้นเมื่อส่องกระจกเงา ที่ไม่ใช่หมายความว่าหุ่นดี แต่เป็นการมองตัวเองได้อย่างภาคภูมิ ตรงข้ามความเชื่อในทัศนะอย่างพรสวรรค์นี่ซิที่ทำให้ผู้คนไม่อยากออกมาออกกำลังกาย ผู้คนไม่ออกมาวิ่ง ชักชวนไปสนาม Match Event ต่างๆก็ไม่ไป พวกเขาก็อยากจะใช้เวลาและความพยายามไปกับสิ่งต่างๆที่เขามีพรสวรรค์มากกว่าใช่หรือไม่ คงจะยากที่จะคาดหวังว่าให้พวกเขาออกวิ่งไปทั้งๆที่ไม่มีพรสวรรค์นั่นแหละ ไปฝึกให้ตายกับความโง่เขลาที่วิ่งกันอย่างผิดวิธีแล้วไม่ได้ผลหรือบาดเจ็บแล้วก็ไปโทษว่า “เพราะฉันไม่มีพรสวรรค์” แต่ไม่ได้โทษตัวเองว่า “เพราะฉันวิ่งไม่ถูกวิธีเอง”

ถ้าความเป็นจริง โลกนี้เอื้อเฟื้อแก่นักวิ่งที่มีพรสวรรค์เท่านั้น ทัศนะความเห็นที่จะบรรยายต่อไปข้างล่างนี้ก็จะเป็น “ความเพ้อฝัน” ส่วนตัวของลุงกฤตย์ ที่แอบๆแบ่งปันกันอ่าน แบ่งแชร์ความรู้สึกกับเพื่อนนักวิ่งจำเพาะในรายที่มีความฝันร่วมกันเท่านั้นว่า

“ธรรมชาติของมนุษย์ มิใช่จะวิ่งได้ดีหรือไม่ดีจากภูมิเดิม หากแต่ล้วนมาจากปัจจัยสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ที่ผ่านมาต่างหาก”

สิ่งแวดล้อมและประสบการณ์ชนิดใดเล่า

ก็เป็นสิ่งแวดล้อมชนิดที่ให้เขาเติบโตมาในบ้านที่มีพ่อแม่บ่มเพาะเขามาอย่างไรที่ขึ้นรูปจิตสำนึกให้เขามีจิตวิญญาณช่างสังเกตจดจำ และสรุปบทเรียนจากความผิดพลาดเพียงไม่กี่ครั้ง

ก็เป็นสิ่งแวดล้อมที่เขาอยู่ภายใต้การดูแลของบุพการีที่กล่อมเกลาเขาอย่างไรให้เป็นผู้ใหญ่ภายหน้าที่เอาจริงเอาจังต่อสิ่งที่จับที่ทำ ไปพร้อมๆกับความน้อมใจสดับรับฟังคำเตือนต่างๆอย่างไม่ดันทุรังเอาชนะให้มากพอเพียงจนกระทั่ง ตัวเขาสามารถคลุกเคล้าส่วนผสมเหล่านั้นเข้ากับความพากเพียรส่วนตัว อย่างได้***ส่วน จนกระทั่งเป็นผู้ที่เราเรียกได้ว่า “วิ่งได้ดี”

และมีแต่เพียงนักวิ่งที่วิ่งได้ดีบางคนเท่านั้นที่ไปกันได้ดีกับสูตรวิ่งที่เหมาะสม จึงจะให้ผลออกมาได้ดังใจ ไม่ใช่สูตรที่เลอเลิศแต่ประการเดียวที่จะชี้เป็นชี้ตายให้ใครผู้ปราศจากคุณสมบัติข้างต้น เป็นนักวิ่งที่ดีขึ้นมาได้

ฟังวาทะของโกวเล้งอีกสักคราเถิด

“ชาติกำเนิดของผู้คน หาได้เป็นสิ่งสำคัญไม่
คนเราย่อมมิใช่สุนัข อีกทั้งมิใช่อาชา
ที่ต้องมีพันธ์ที่ดี ถึงจะวิ่งได้ดี
ชาติบุรุษ คิดจะเป็นบุคคลเยี่ยงไร ล้วนอยู่ที่ตัวของมันเอง เลือกกระทำทั้งสิ้น”

ถ้าพรสวรรค์มีลักษณะที่เรียกสิ่งที่บังเกิดขึ้นกับเราอย่างที่เราไม่สามารถเลือกกำหนดได้ตามใจแล้วล่ะก็ นักวิ่งที่ดีอย่างนี้เองที่จะต้องมีพรสวรรค์

พรสวรรค์ที่กำหนดให้เราปฏิสนธิในครอบครัวที่มีพ่อแม่หมั่นรดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ไม่ใช่พ่อแม่ที่เอาแต่ซ้ำเติมความผิดพลาดต่างๆโดยไม่ให้กำลังใจ

พรสวรรค์ที่ให้เราไปกำเนิดในครรภ์พ่อแม่ที่มีใจรักกีฬา เห็นความสำคัญกับภาวะสุขภาพอนามัยรอบด้าน ไม่ใช่แต่วิชาการและอาหารเท่านั้น

พรสวรรค์ที่ลิขิตให้ชะตาชีวิตโคจรไปเจอกับโค้ชที่รู้จริงและรักจริง ที่ประจงรับทอดไม้บาตองที่พ่อแม่ส่งมาให้สู่สนามอัฒจรรย์กีฬา และทอดยาวสู่โพเดี้ยม

และนักวิ่งผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้แหละที่จะเข้าไปเผชิญกับสมรภูมิชีวิตได้อย่างกล้าหาญและสมศักดิ์ศรี อย่างที่ แพ้หรือชนะไม่สำคัญ ในขณะที่แชมป์พรสวรรค์ตัวจริงร่ำไห้เมื่อพ่ายกีฬา ที่พวกเราเคยพบเห็นอยู่บ่อยๆ

15:15 น.
9 ตุลาคม 2548

0
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้นะครับx
PATRUNNING.COM
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.