จุด Peak ในการแข่งขัน

ไม่มีใครพีคได้ทุกงานหรอกครับ เพียงแต่มาตรฐานความสามารถของแนวหน้าคนๆ นั้น สูงกว่าคนอื่นส่วนใหญ่มากพอสมควร บางงานเขาใช้ความสามารถแค่ 60-80% เขาก็ชนะได้สบายแล้ว แต่คงหากินได้แค่ในประเทศไทย ซึ่งเทียบกับบางประเทศ อาจจะถือว่ามาตรฐานยังไม่สูงนัก

จะเห็นได้ว่าบุญชูก่อนขอนแก่นมาราธอน ลงแค่ 10 กม.ที่จอมบึง เพราะรู้ว่าต้องรักษาความสมบูรณ์มาอัดกับพวกเคนย่า แล้วอย่าสุทัศน์ ที่มีอับดับตามติดบุญชูในงานขอนแก่น ก็เก็บตัว ไม่ได้ข่าวว่าลงงานไหนก่อนหน้า 2-3 สัปดาห์

ก็เห็นมีพี่จิรัฐิกาล แต่งานจอมบึงพี่เขาวิ่งไม่เต็มที่ครับ ดูจากสถิติ

หรือสังเกตนักวิ่งมาราธอนระดับโลกดังๆ เขาก็ไม่ได้ลงแข่งบ่อย แต่ถ้าพวกระยะสั้นๆ แข่งบ่อยคงไม่มีปัญหานัก (หลักจากฟิตซ้อมมาเต็มที่ในช่วงก่อนหน้า)

เคยดูงานวิ่งมาราธอนต่างประเทศ อันดับ 1-10 วิ่งไล่บี้ติดกันเข้าเส้น ไม่เหมือนในเมืองไทย ที่ 1 กับ 2 บางทีก็ทิ้งกันไกล ดังนั้นถ้าบ้านเรามีแนวหน้าฝีมือใกล้เคียงกันมากขึ้นอย่างต่างประเทศ คนที่กล้าลงมาราธอนอาทิตย์เว้นอาทิตย์คงจะหาได้ยาก ทุกคนก็ต้องการสมบูรณืที่สุดในงานวิ่งสำคัญๆ ก็ย่อมต้องถนอมตัวเอาไว้

ผมไม่กล้าลงมาราธอนอาทิตย์ชนอาทิตย์หรอกครับ อย่างน้อยต้องเว้น3-4 เดือนครับ เพราะช่วงเดือนแรกต้องขอพักฟื้นก่อนแล้ว กว่าจะกลับมาเริ่มซ้อมใหม่ ขนาดระยะฮาล์ฟยังไม่กล้าเลยครับ

พวกการแข่งขันกรีฑาในต่างประเทศ เห็นเขาจะจัดการแข่งขันเป็นฤดู (ช่วง) ค่อนข้างแน่นอน นักกีฬาเขาก็จะรู้ว่าช่วงไหน เป็นช่วงพัก ช่วงไหนต้องเตรียมตัวก่อนฤดูการแข่งขัน ต้องไปฟิตสมบูรณ์เต้ฒที่ (พีค) ที่งานไหน

สมมติผลจะลงมาราธอนสักงาน ก็ต้องเตรียมตัววางแผนซ้อมล่วงหน้า 4-6 เดือนครับ อย่างน้อยการวิ่งยาวของผม ก็จะต้องค่อยๆ เพิ่มระยะทางไปทีละนิด และจะไปสูงสุด 30-35 กม.อย่างน้อยก่อนแข่ง 3-5 สัปดาห์

ในเรื่องความเร็วก็ลักษณะเดียวกัน ก็ต้องค่อยๆ เพิ่มไปทีละนิด พออยู่ตัวก็เพิ่มไปอีกนิด เป็นต้น

แต่สำหรับคนที่มีมาตรฐานสูงอย่างบุญชู ก็ต้องฝึกให้ไปพีคงานสำคัญๆ เช่น กรุงเทพ ขอนแก่น ซีเกมส์ ส่วนงานอื่นใช้ความสามารถยังไม่เต็มที่ ก็ชนะคู่แข่งได้แล้ว

สรุปว่าแนวหน้าบ้านเรายังน้อยเกินไป ซึ่งอาจทำให้แนวหน้าเองไม่พยายามพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น ผมจึงเห็นด้วยกับการเชิญนักกีฬาต่างชาติที่มีมาตรฐานสูงกว่าอีกหน่อยมาร่วมแข่งด้วย อย่าไปมองว่ามาแย่งหรือทำให้เราอดได้เงินรางวัลเลย ให้มองไปไกลๆ ครับ อย่างงานกรุงเทพ สมัยแรกก็เชิญมาเอารางวัลที่ 1 ไป แต่เดี๋ยวนี้มาตรฐานบ้านเราก็สูงขึ้นครับ (แต่ก็ขึ้นกับว่าจะมีรุ่นน้องใหม่ๆ มาทดแทนหรือไม่ด้วย)

ผมคิดว่าพวกต่างชาติที่เข้ามาบ้านเรา ก็มีมาตรฐานความสามารถอยู่ระดับหนึ่งเท่านั้น คืออาจจะสูงกว่าบ้านเราหน่อย เขาก็เข้ามาล่าเงินรางวัลจากบ้านเราไป

แต่พวกที่มาตรฐานสูงขึ้นไปอีก ก็จะไปงานในประเทศที่มีมาตรฐานสูงขึ้นไปอีกเช่นกัน (เงินรางวัลก็มักจะสูงขึ้นด้วย)

พวกมาตรฐานสูงๆ เขาจะมีสปอนเซอร์สนับสนุน

ผมก็อยากให้มีสปอนเซอร์สนับสนุนนักวิ่งบ้านเราเหมือนกัน ไม่ต้องมากหรอกครับ ต้องขอชมเชยชมรมวิ่งต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนนักวิ่งให้วงการวิ่งเรามีสีสรรมากกว่าแต่ก่อน

โดยคุณ รพีพงษ์ (203.113.67.36) [09 ก.พ. 2550 เวลา 14:14] #116749 (4/7)

ขอบคุณครับ ลุงกฤตย์ พี่เบญ

ที่พี่เบญบอกว่า
สมมติผมจะลงมาราธอนสักงาน ก็ต้องเตรียมตัววางแผนซ้อมล่วงหน้า 4-6 เดือนครับ อย่างน้อยการวิ่งยาวของผม ก็จะต้องค่อยๆ เพิ่มระยะทางไปทีละนิด และจะไปสูงสุด 30-35 กม.อย่างน้อยก่อนแข่ง 3-5 สัปดาห์

ช่วง 3-5 สัปดาห์ ก่อนแข่งที่พี่บอก พี่ไม่ได้วิ่งยาวอีกเลยเหรอ หรือว่าค่อยๆ ลดปริมาณลงครับ

ตามหลักแล้ว 2-3 สัปดาห์สุดท้ายต้อง taper หรือค่อยๆ ลดปริมาณ (ระยะทาง) การฝึกซ้อมลง แต่คงคุณภาพ (ความเร็ว) ไว้ครับ

แต่ที่บอกไปสุงสุดที่ 30-35 กม.นั้น คือถ้าทำได้มาก 1 ครั้งจะยิ่งดีครับ (แต่ก็ต้องระวัง อย่าให้หนักเกินไป ตัวเองน่าจะรู้ตัวเองดี) ถ้าวิ่งยาวๆ 35 กม.เป็นปกติได้อย่างสบาย ตอนวิ่งมาราธอนก็น่าจะวิ่งได้อย่างสบายๆ ครับ

0
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้นะครับx
X