บันได 10 ขั้น ทำเวลา 10 K ให้ดีขึ้น

……ขั้นที่ 1. วิ่ง 10 นาทีซ้ำกันหลายเที่ยวทุก 2 สัปดาห์ ใช้สปีดความเร็วที่คุณทำได้ดีที่สุดในการวิ่ง 10 K. จากนั้นตั้งเป้าหมายลดเวลาให้ได้ราว 30-40 วินาที การวิ่งแบบนี้จะช่วยให้สร้างความคุ้นเคยให้กล้ามเนื้อขาและเส้นเอ็นต่าง ๆ ของคุณกับการวิ่งตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
…….ขั้นที่ 2. ในสัปดาห์ที่ไม่ได้วิ่ง 10 นาที(ตามข้อ 1 ) ให้ฝึกซ้อมตามสไตล์นักวิ่งระดับโลกนั้นก็คือ เริ่มต้นด้วยการจ๊อกกิ้งวอร์มอัพ 1.6-3.2 K. จากนั้นวิ่ง 10 K. ด้วยการสลับไปสลับมาระหว่างวิ่งจ๊อกกิ้ง 1 นาที และวิ่งด้วยระดับความเร็วที่ใช้ในการแข่งขัน 1 นาที เมื่อรู้สึกชินกับการวิ่งแบบนี้แล้ว ให้เปลี่ยนเป็นวิ่งด้วยระดับความเร็วที่ใช้ในการแข่งขัน 2 นาที สลับด้วยจ๊อกกิ้ง 1 นาที จนครบ 10 k.
……ขั้นที่ 3. ทุก 2 สัปดาห์ ซ้อมจังหวะการวิ่ง ด้วยการวิ่งสบาย ๆ 10 นาที จากนั้นเร่งสปีดขึ้นไปแต่ให้ช้ากว่าระดับความเร็วที่คุณวิ่ง 10 k. ราว 7-9 วินาที(วิ่งTempo) วิ่งที่ความเร็วระดับนี้ประมาณ 25 นาที การซ้อมแบบนี้จะทำให้คุณมีความอดทนต่อการวิ่ง 10 k.มากขึ้น
…..ขั้นที่ 4. ถ้าเป็นไปได้ควรหาสถานที่เป็นเนินเขาที่มีระยะทางจากเนินถึงยอด 75 -100 ม. วิ่งขึ้น 10 เที่ยว โดยครึ่งแรกของระยะทางวิ่งให้วิ่งแบบพอเหนื่อย ส่วนครึ่งหลังสปีดให้สูงสุดเท่าที่จะทำได้ โดยเตะขายกเข่าให้สูงที่สุด ขาลงให้จ๊อกกิ้งลงมา หลังจากวิ่งครับ 5 เที่ยวแล้วให้จ๊อกกิ้งพื้นราบราว 5 นาที จากนั้นค่อยวิ่งต่ออีก 5 เที่ยว หากทำได้เช่นนี้ การวิ่ง 10 k. จะเป็นของง่ายสำหรับคุณส่วนช่วงเวลาฝึกซ้อมในขั้นนี้ทำทุก 2 สัปดาห์เช่นกัน พยายามจัดตารางวิ่งให้ลงตัว
……ขั้นที่ 5 ระหว่างสัปดาห์ที่ซ้อมวิ่ง หาวันว่างปั่นจักยานตั้งความหนืดไว้ที่สูงสุดปั่น 10 เที่ยว ๆ ละ 60 วินาที รักษาความเร็วไว้ที่ 95 รอบต่อนาทีระหว่างเที่ยวให้เป็นแบบสบาย ๆ เพื่อเป็นการพักเหนื่อยครับ 10 เที่ยวแล้วให้ปั่นสบาย ๆ อีก 10 นาที ก่อนจะเริ่มเซ็ตที่ 2 อีก 10 เที่ยว ประโยชน์ของการปั่นจักรยานก็คือ ช่วยให้สับเท้าในการวิ่งได้เร็วขึ้นและเป็นการซ้อมเบาเพื่อผ่อนคลายหลังจากซ้อมหนักด้วยการวิ่งบนถนนตลอด
….ขั้นที่ 6. ก่อนเข้าแข่งขัน 10 k. 4 สัปดาห์ ซ้อมวิ่งบนลู่ 400 ม. 10 เที่ยวโดย 3 เที่ยวแรกใช้ความเร็วระดับ 10 k. 3 เที่ยวต่อไป ใช้ความเร็วระดับ 5 k. 3 เที่ยวต่อไปเร่งความเร็วให้มากกว่า 3 เที่ยวก่อนหน้านี้เล็กน้อย และเที่ยวสุดท้ายสับฝีเท้าจนเกือบถึงท๊อปสปีดของคุณ พักระหว่างเที่ยว 1 นาที (การซ้อมช่วงนี้ให้นำมาแทนการซ้อมในข้อที่ 1 หรือ 2 )
…..ขั้นที่ 7. หลังจากการฝึกซ้อมตามหัวข้อข้างต้นแล้ว ควรรีบรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงภายใน 10 นาที เพราะเป็นที่วิจัยกันมาแล้วว่า การวิ่งไกล ๆ จะเผาผลาญไกลโคเจนไปมาก อาหารที่แนะนำคือเครื่องดื่มให้พลังงานสำหรับนักกีฬา กล้วยหอมและโยเกิร์ตผลไม้ (ในข้อนี้ถ้าต้องการความละเอียดลงไปอีกหาอ่านบทความของ อ. กฤตย์ "หน้าต่างแห่งโอกาส")
…..ขั้นที่ 8. เช้าวันแข่งขัน 10 k. เริ่มต้นด้วยการจ๊อกกิ้งวอร์มอัพ 10 นาที เพื่ออุ่นกล้ามเนื้อให้พร้อมสำหรับการทำงานหนัก
…..ขั้นที่ 9. หลังวอร์มอัพด้วยการจ๊อกกิ้ง 10 นาทีแล้วให้วิ่งระยะสั้น 50 ม. ด้วยความเร็วตามที่วางแผนไว้ในการแข่งขันราว 6-10 เที่ยว เพื่อเป็นการทบทวนก่อนแข่งจริง
……ขั้นที่ 10 หลังการแข่งขันเสร็จสิ้นสุดลง จ๊อกกิ้งอย่างน้อย 10 นาทีเพื่อคูลดาวน์ ข้อนี้เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามเพราะ รู้สึกเหนื่อยและหมดแรงจากการแข่งขันมาแล้ว แต่การคูลดาวน์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทำให้หัวใจและกล้ามเนื้อค่อย ๆ ปรับตัวเข้าสู่สภาพปกติหลังผ่านการทำงานหนัก และหากทำได้ตาม 10 ขั้นนี้ รับประกันว่า คุณ ๆ เรา ๆ ท่าน ๆ จะทำลายสถิติการวิ่ง 10 k. ของตนเองได้อย่างแน่นอน ขอให้โชคดีและมีความสุขกับการวิ่งนะครับ ขอบคุณครับ

จาก..หนังสือThe running

0
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้นะครับx
PATRUNNING.COM
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.