ตารางซ้อมวิ่งครึ่งมาราธอน

อาจจะแนะนำยาวหน่อยนะครับ ทนอ่านหน่อย ข้อมูลที่ให้มาน้อยไปหน่อย จริงๆ อยากทราบความเร็วแข่ง 10 โล จะได้กำหนดความเร็วลงคอร์ท Interval ได้ถูก (ที่จะให้ไปกะว่าประมาณ 49-50 นาที)

ต้องทบทวนกฎเหล็กก่อน คือ
1.ต้องค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นของการซ้อม โดยเริ่มจากความสามารถปัจจุบัน อย่าเพิ่มอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วและระยะทาง เริ่มต้นจากน้อยๆ ก่อน สัก 1 สัปดาห์ ดูว่าร่างกายเราไหวไหม ถ้าไหวสัปดาห์ถัดไปอาจลองเพิ่มไปอีกนิด
2.ต้องสลับวันหนัก (หนัก/หนักปานกลาง) วันเบา (สบายๆ/พัก) อย่างให้วันหนักติดกัน ถ้าวันเบาไปซ้อมหนัก วันหนักจริงก็คงไม่สามารถหนักได้เต็มที่ หรืออาจต้องพักฟื้นนานขึ้น (วันหนักคือวันวิ่งยาวๆ วันลงคอร์ท)
3.ต้องวอร์มอัพและคูลดาวน์ให้เป็นนิสัย เริ่มจากจ๊อกเบา 2 โลหรือ 10-15 นาที ตามด้วยยืดเหยียด 10 นาที และอาจตามด้วยสไตรด์ (วิ่งก้าวยาวๆ และวิ่งเร็วขึ้นอีกหน่อยแต่เน้นท่าทางให้ดี ไม่โยกเยก แบบผ่อนคลาย) หรือสปริ้นท์สบายๆ ประมาณ 100 เมตร 5 เที่ยว
4.ต้องเริ่มต้นจากการสร้างฐานแบบแอโรบิคให่ดีก่อนที่จะไปเริ่มลงคอร์ท

ถ้าเน้นที่ระยะฮาล์ฟ ต้องมีวิ่งยาวเป็นปกติ และควรพัฒนาหรือฝึกความเร็ว lactate threshold คือความเร็วที่อยู่ระหว่างแอโรบิคกับแอแนโรบิคให้ดี (ความเร็วที่ร่างกายยังสามารถกำจัดกรดแลกติกได้ทัน ถ้าเร็วขึ้นไปอีกจะกำจัดไม่ทัน เมื่อสะสมมากเข้าๆ จะทำให้เราล้า ก้าวขาไม่ออก จนต้องผ่อนความลงสักพัก ถึงจะมีก๊อก 2) แล้วค่อยๆ เสริมด้วยคอร์ท Interval (วิ่งในระดับแอแนโรบิค แบ่งเป็นเที่ยวๆ พักระหว่างเที่ยวสั้นๆ)

การให้โปรแกรมการซ้อม ควรจะค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปทีละนิด (ไม่ใช่เหมือนกันทุกสัปดาห์) แต่ละช่วงอาจเน้นไม่เหมือนกัน เช่น ช่วงแรกควรเน้นวิ่งแบบแอโรบิคกับสร้างความแข็งแรงก่อน ช่วงต่อไปจึงเสริมด้านความเร็ว

ดูจากการซ้อม คิดว่าคุณแมวเหมียวน่าจะมีฐานแอโรบิตพอควรแล้ว แต่การจะวิ่งเร็วขึ้น กล้ามเนื้อเราควรแข็งแรงขึ้นทันด้วย จึงอยากให้วิ่งเร็วในระยะสั้นๆ ก่อน (สไตร์ดหรือสปริ้นท์สบายๆ) ถ้ามีโอกาสก็บริหารร่างกาย บอดี้เวท เล่นเวท เพื่อสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ด้วย เช่น ร่างกายช่วงบน กล้ามท้องบน-ล่าง-ข้าง หลัง ต้นขาหน้า-หลัง-ข้าง กล้ามเนื้อพยุงเข่า กล้ามเนื้อน่อง/ข้อเท้า แต่ไม่ใช่เล่นให้ใหญ่ (ใส่น้ำหนักไม่ต้องมาก) แต่เล่นให้แข็งแรง แบบ set ละ 20-30 ครั้ง สบายๆ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

วันซ้อมยาว (วันเสาร์ – สัปดาห์ละ 1 ครั้ง) ควรซ้อมให้เกินระยะแข่ง (ยกเว้นระยะมาราธอน ซ้อมถึง 30-35 โลก็พอ แต่ไม่ควรเกิน 3 ชม.) ดังนั้นอาจค่อยๆ เพิ่มไปสัปดาห์ละ 1-3 โล ระหว่างซ้อม ควรดื่มน้ำด้วย และเมื่อค่อยๆ เพิ่มไปได้ 3 สัปดาห์ ให้ผ่อนลงมา 1 สัปดาห์ เช่น 15, 17, 19, 15, 18, 20, 22, 17, … ส่วนวันก่อนและหลังควรเป็นวันซ้อมเบาหรือพัก ให้เน้นระยะทาง ไม่เน้นเรื่องความเร็ว แต่อยากให้ความเร็วสม่ำเสมอ หรือช่วงท้ายให้เร็วขึ้นก็ได้

วันที่ซ้อมเบา/พัก ถ้าไม่ได้พัก (วิ่งสบายๆ 3-8 โล) เมื่อซ้อมเสร็จก่อนคูลดาวน์ ให้สไตร์ดหรือสปริ้นท์สบายๆ 5-10 เที่ยว

สมมติให้มีวันหนักอีก 2 วัน คือวันอังคารและพฤหัส
วันอังคารอาจเป็นวันซ้อมยาวปานกลางระยะประมาณ 13-17 โล (ไม่เน้นความเร็ว-สม่ำเสมอ) หรือ อาจซ้อมวิ่งเร็วสบายๆ แบบยังพอพูดคุยได้ ระยะทาง 3-7 โล วันนี้ก่อนคูลดาวน์ อาจจบด้วยสไตร์ดเช่นกัน

วันพฤหัสช่วงเดือนแรกให้ซ้อมวิ่งแบบปกติไปก่อน 10-13 โล จบด้วยสไตร์ดก่อนคูลดาวน์ สไตร์ได้ 1 เดือน กล้ามเนื้อขาน่าจะแข็งแรงขึ้นแล้ว ก็อาจหัดลองลงคอร์ท 400 เมตร (7-12 เที่ยว พักไม่เกินเวลาที่วิ่ง) (มีลู่ใกล้บ้านไหม) ครั้งแรกอาจเริ่มจาก 5 เที่ยวก่อน ถ้าไหวก็อาจต่อเป็น 7 เที่ยว สัปดาห์ต่อๆ ไปอาจค่อยๆ เพิ่มจำนวนเที่ยวป ครั้งแรกใช้ความเร็วเที่ยวละ 100-110 วินาที (เมื่อค่อยๆ เพิ่มไปจนถึง 12 เที่ยวแล้ว อาจลองลดเวลาแต่ละเที่ยวลงไปอีกทีละหน่อยดู) พักไม่เกิน 90-100 วินาที สังเกตดูความรู้สึกดู เที่ยวท้ายๆ จะรู้สึกล้าเป็นเรื่องปกติ (กรดแลกติคสะสม) แต่อย่าให้เหนื่อยจนเกินไป ถ้าเหนื่อยไปแสดงว่าเร็วไป การลงคอร์ท Interval นี้ จะต้องคูลดาวน์มากๆ เพื่อจะได้กำจัดกรดแลกติกออกไปให้ได้มากที่สุด อาจจ๊อก/เดินให้นานขึ้นอีก

ดังนั้น วันอาทิตย์ จันทร์ พุธ ศุกร์ จะเป็นวันซ้อมเบา/พัก (3-8 โล) ให้จบด้วยการสไตร์ดหรือสปริ้นท์สบายๆ

ลองนำไปปรับโปรแกรมให้เข้ากับตัวเองดู เขียนเป็นตารางออกมาในแต่ละสัปดาห์เลยก็ดี โดยดูอย่าให้เพิ่มอะไรแบบก้าวกระโดด

0
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณได้นะครับx
PATRUNNING.COM
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.